12tenses from tthanch chai
วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559
วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558
กิจกรรมที่ 5 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับล่าสุด พศ.2558
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558
(การคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิและกำหนดข้อยกเว้นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์และสิทธิของนักแสดง)
(การคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิและกำหนดข้อยกเว้นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์และสิทธิของนักแสดง)
cr: http://enews.boonrawd.co.th/content/wp-content/uploads/2014/08/ssss.png
1. ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 132
ตอนที่ 6 ก เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา
2. มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2558
เป็นต้นไป
3. สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ มีดังนี้
(1) คุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิเพื่อส่งเสริมการเผยแพร่งานอันมีลิขสิทธิ์และคุ้มครองสิทธิในข้อมูลที่เจ้าของลิขสิทธิ์ที่ใช้บริหารจัดการสิทธิของตนไม่ให้คนอื่นมาลบหรือเปลี่ยนแปลงโดยไม่ชอบ
เช่น การลบข้อมูลเกี่ยวกับชื่อเจ้าของลิขสิทธิ์ ชื่อผู้สร้างสรรค์ ชื่อนักแสดง
เป็นต้น โดยหากบุคคลใด ลบ หรือเปลี่ยนแปลง ข้อมูลดังกล่าว
ถือว่ามีความผิดฐานละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิ
(2) คุ้มครองมาตรการทางเทคโนโลยีที่เจ้าของลิขสิทธิ์นำมาใช้ปกป้องงานอันมีลิขสิทธิ์ของตนเพื่อป้องกันการทำซ้ำหรือการเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์
เช่น พาสเวิร์ด (password) ที่เจ้าของลิขสิทธิ์นำมาใช้ในการควบคุมการเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์ของตนที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต
เป็นต้น โดยหากบุคคลใดทำลายมาตรการทางเทคโนโลยีดังกล่าว
โดยเจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ยินยอมถือว่ามีความผิดฐานละเมิดมาตรการทางเทคโนโลยี
(3) กำหนดข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์การทำซ้ำชั่วคราว (Exception
for Temporary Reproduction) เพื่อกำหนดให้ชัดเจนว่าการทำซ้ำชั่วคราวโดยความจำเป็นของเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียกดูงานอันมีลิขสิทธิ์ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
เนื่องจากการดูภาพยนตร์ หรือฟังเพลงจากเครื่องคอมพิวเตอร์
เครื่องคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีการทำซ้ำงานเพลงหรือภาพยนตร์ดังกล่าวไว้ในหน่วยความจำ
(RAM) ทุกครั้ง ด้วยความจำเป็นทางเทคนิคดังกล่าวทำให้ทุกครั้งที่มีการใช้งานอันมีลิขสิทธิ์จากเครื่องคอมพิวเตอร์
ผู้ใช้งานจะต้องทำซ้ำงานด้วยเสมอ การทำซ้ำลักษณะนี้เป็นการทำซ้ำชั่วคราว
ที่ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
cr: http://politic.tnews.co.th/content/149211/
(4) เพิ่มเติมเรื่องการกำหนดข้อจำกัดความรับผิดของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
(Liability Limitation of ISP) เพื่อให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
เช่น เจ้าของเว็บไซต์ Youtube ไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์
โดยให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเอาไฟล์ละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากเว็บไซต์
ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์จะต้องแสดงหลักฐานต่างๆ ต่อศาลอย่างเพียงพอ
และเมื่อศาลได้มีคำสั่งให้เอาไฟล์ละเมิดออกจากเว็บไซต์แล้ว และเจ้าของเว็บไซต์ดำเนินการตามคำสั่งศาล
เจ้าของเว็บไซต์ไม่ต้องรับผิดเกี่ยวกับการกระทำที่อ้างว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว
(5) เพิ่มข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์กรณีการจำหน่ายต้นฉบับหรือสำเนางานอันมีลิขสิทธิ์
โดยนำหลักการระงับไปซึ่งสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา (Exhaustion of Rights) มากำหนดให้ชัดเจนว่าการขายงานอันมีลิขสิทธิ์มือสองสามารถทำได้โดยไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
เช่น การขายภาพเขียน หนังสือ ซีดีเพลง ซีดีภาพยนตร์
เป็นต้น อย่างไรก็ดี
หากเป็นการขายซีดีภาพยนตร์จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดีทัศน์ด้วย
มิฉะนั้น แม้ไม่ผิดตามกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์
แต่อาจมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์ได้
(6) เพิ่มเติมเรื่องสิทธิทางศีลธรรมของนักแสดง
(Moral Right) เพื่อเพิ่มสิทธิให้นักแสดง
มีสิทธิทางศีลธรรมเท่าเทียมกับสิทธิทางศีลธรรมของผู้สร้างสรรค์งานอันมีลิขสิทธิ์
โดยนักแสดงมีสิทธิระบุชื่อตนในการแสดงที่ตนได้แสดง
และห้ามไม่ให้บุคคลใดกระทำต่อการแสดงของตนจนทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ
cr: http://socs16.blogspot.com/
(7) เพิ่มบทบัญญัติเรื่องค่าเสียหายในเชิงลงโทษ
(Punitive damages) โดยกำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงจ่ายค่าเสียหายเพิ่มขึ้นไม่เกินสองเท่าของค่าเสียหาย ในกรณีที่ปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่ามีการกระทำโดยจงใจหรือมีเจตนาให้งานอันมีลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงสามารถเข้าถึงโดยสาธารณชนได้อย่างแพร่หลาย
(8) กำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งริบหรือทำลายสิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำละเมิด
และสิ่งที่ได้ทำขึ้นหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดง
cr: http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9570000056638
สรุป
1) ภาพถ่าย
ถ้าถ่ายเองหรือจ้างคนอื่นถ่าย ลิขสิทธิ์ตกเป็นของเรา
2) หากนำภาพคนอื่นไปใช้ แล้วตัดลายน้ำหรือไม่ให้เครดิตเจ้าของ ถือว่าผิด
3) ข้อความที่ก๊อปจากชาวบ้านมา หากอ้างที่มา และใช้แบบ personal use ไม่ผิด แต่ถ้าใช้นิติบุคคล ถือว่าผิด
4) embed youtube มาใส่หน้าเว็บโดยตรงถือว่าผิด (ถ้าทำแค่เป็นภาพ thumbnail แล้ว link ไปที่ youtube เจ้าของโดยตรง ไม่ผิด)แพ
5) ถ้านำคลิป youtube ไปใช้เชิงสาธารณะ (เช่น ทำรายการข่าว) ต้องเผยชื่อ username เจ้าของคลิป และเป็นคลิปที่ตั้ง public ไว้เท่านั้น (ถ้าเจ้าของตั้ง private ไว้ แล้วนำมาเผยแพร่ถือว่าผิด)
6) แชร์ภาพจาก fanpage อื่น มาที่ fanpage เรา เพื่อเรียกเรตติ้ง มีสิทธิ์ถูกฟ้อง เพราะแสวงหากำไร (แก้ได้ด้วยการผลิตเอง หรือขออนุญาตเจ้าของ / ก๊อปจาก google ก็มีสิทธิ์โดนฟ้อง)
7) ข่าวจากเว็บนอก มีที่มาอ้างอิง ไม่ผิด แต่บทความถือว่าผิดในกรณีแสวงหากำไร (แก้ได้ด้วยวิธี rewrite / copy-paste ถือว่าผิด)
2) หากนำภาพคนอื่นไปใช้ แล้วตัดลายน้ำหรือไม่ให้เครดิตเจ้าของ ถือว่าผิด
3) ข้อความที่ก๊อปจากชาวบ้านมา หากอ้างที่มา และใช้แบบ personal use ไม่ผิด แต่ถ้าใช้นิติบุคคล ถือว่าผิด
4) embed youtube มาใส่หน้าเว็บโดยตรงถือว่าผิด (ถ้าทำแค่เป็นภาพ thumbnail แล้ว link ไปที่ youtube เจ้าของโดยตรง ไม่ผิด)แพ
5) ถ้านำคลิป youtube ไปใช้เชิงสาธารณะ (เช่น ทำรายการข่าว) ต้องเผยชื่อ username เจ้าของคลิป และเป็นคลิปที่ตั้ง public ไว้เท่านั้น (ถ้าเจ้าของตั้ง private ไว้ แล้วนำมาเผยแพร่ถือว่าผิด)
6) แชร์ภาพจาก fanpage อื่น มาที่ fanpage เรา เพื่อเรียกเรตติ้ง มีสิทธิ์ถูกฟ้อง เพราะแสวงหากำไร (แก้ได้ด้วยการผลิตเอง หรือขออนุญาตเจ้าของ / ก๊อปจาก google ก็มีสิทธิ์โดนฟ้อง)
7) ข่าวจากเว็บนอก มีที่มาอ้างอิง ไม่ผิด แต่บทความถือว่าผิดในกรณีแสวงหากำไร (แก้ได้ด้วยวิธี rewrite / copy-paste ถือว่าผิด)
cr: https://www.youtube.com/watch?v=h3vk4z7qei8
ขอบคุณข้อมูลจาก
วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558
กิจกรรมที่ 3 ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
3. จัดทำเค้าโครงของโครงงาน
4. การลงมือทำโครงงาน
5. การเขียนรายงาน
6. การนำเสนอและแสดงโครงงาน
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
3. จัดทำเค้าโครงของโครงงาน
4. การลงมือทำโครงงาน
5. การเขียนรายงาน
6. การนำเสนอและแสดงโครงงาน
เรื่องทั่วไปหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวันสามารถนำมาเป็นหัวข้อพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้ทั้งสิ้น
เช่นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้เตือนเมื่อระดับน้ำฝนตกหนักเกินระดับที่ปลอดภัย
หรือใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ร่วมกับกล้องเว็บแคม ตรวจจับความเคลื่อนไหวของผู้บุกรุก
เป็นต้น นักเรียนสามารถค้นหาหัวข้อของโครงงานได้มากมาย
ด้วยการเริ่มต้นสังเกตสิ่งรอบๆ ตัวนั่นเอง
เมื่อได้หัวข้อโครงงานแล้ว
นักเรียนจำเป็นต้องหาข้อมูลและความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับงานที่ต้องการจะจัดทำ
แหล่งข้อมูลอาจเป็นหนังสือ หรือวารสารที่มีผู้ให้ข้อมูลไว้ก่อนหน้า
หรืออาจเป้นการขอข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งอาจศึกษาระบบซึ่งคล้ายกันที่มีผู้พัฒนามาก่อนหน้าแล้ว
เมื่อได้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงาน
และพบว่าโครงงานมีความเป็นไปได้แล้ว
นักเรียนควรเขียนข้อเสนอโครงงานเพื่อนำเสนอกับอาจารย์ผู้สอน
การเขียนข้อเสนอจะเป็นการรวบรวมข้อมูลและความคิดให้เป็นระบบ
ในขั้นตอนนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบันทึกรายละเอียดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องรวมถึงตารางกำหนดการทำงาน
และกำหนดระยะเวลาที่ต้องทำงานแต่ละขั้นตอนให้สำเร็จด้วย
ในขั้นนี้ต้องมีการรวยรวมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ให้ครบถ้วยมีการดำเนินงานตามตารางเวลาการทำงานอย่างเคร่งครัด
เมื่อมีความก้าวหน้าในงาน จำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้องของผลที่ได้อย่างสม่ำเสมอ
และควรจดบันทึกความก้าวหน้า รวมถึงอุปสรรคที่ได้พบ และวิธีแก้ไขด้วย
ในขั้นตอนนี้เป็นการรวบรวมรายละเอียดทั้งหมดมาเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาโครงงานเดิมอีกต่อไป
ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากในกรณีที่มีผู้อื่นต้องการทำโครงงานที่คล้ายกันก็จะสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ได้บันทึกไว้โดยทันที
โดยทั่วไปเมื่อโครงงานเสร็จสิ้นแล้ว
นักเรียนจำเป็นต้องมีการนำเสนอโครงงานให้กับผู้ที่ต้องการใช้งาน
ผู้สนใจหรืออาจารย์ผู้รับผิดชอบโครงงาน ควรเตรียมเอกสารนำเสนอให้สมบูรณ์
โดยอาจจะปรับย่อข้อความที่สำคัญมาจากรายงานก็ได้
นอกจากนี้ยังจะต้องวางแผนในการสาธิตการทำงานของโครงงานด้วย
และควรฝึกหัดอธิบายการทำงานของโครงงาน รวมถึงฝึกหัดตอบคำถามที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย
วิดีโอเกี่ยวกับขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.jaturapad.com/online-class/c/l05-02.html
theparvany.igetweb.com
วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
กิจกรรมที่ 2 ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ลักษณะ เด่นคือเป็นการผลิตสื่อการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคำถามคำตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่าง
ตัวอย่างโครงงาน เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยจักรวาล ตัวแปรต่าง ๆ ที่มีผลต่อการชำกิ่งกุหลาบ หลักภาษาไทย และสถานที่สำคัญของประเทศไทย เป็นต้น
ตัวอย่างโครงงาน เช่น โปรแกรมจัดตารางสอนโฮมเพจส่วนบุคคล โปรแกรมช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น และโปรแกรมพจนานุกรมไทย-อังกฤษ เป็นต้น
3. โครงงานพัฒนาเกม โครง
งานประเภทนี้เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้หรือเพื่อความ เพลิดเพลิน
เกมที่พัฒนาควรจะเป็นเกมที่ไม่รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ
จะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจแก่ผู้เล่นพร้อมทั้งให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย
ผู้พัฒนาควรจะได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่าง ๆ
ที่มีอยู่ทั่วไปและนำมาปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่
เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่และน่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ
ตัวอย่างโครงงาน เช่น เกมอักษรเขาวงกต เกมผจญภัยกับภาษาอังกฤษ เกมหมากฮอส เกมบวกลบเลขแสนสนุก เกมศึกรามเกียรติ์ เกมมวยไทย เป็นต้น
ตัวอย่างโครงงาน เช่น เกมอักษรเขาวงกต เกมผจญภัยกับภาษาอังกฤษ เกมหมากฮอส เกมบวกลบเลขแสนสนุก เกมศึกรามเกียรติ์ เกมมวยไทย เป็นต้น
ตัวอย่างโครงงาน เช่น โปรแกรมการค้นหาคำภาษาไทย โปรแกรมอ่านอักษรไทย โปรแกรมวาดภาพสามมิติ โปรแกรมบีบอัดข้อมูล เป็นต้น
5. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี เป็น โครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการจำลองการทดลองของสาขาต่าง ๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทำต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจำลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคำอธิบาย พร้อมทั้งการจำลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การทำโครงงานประเภทนี้มีจุดสำคัญอยู่ที่ผู้ทำต้องมีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ เป็นอย่างดี
ตัวอย่างโครงงาน การ ทดลองปัจจัยต่าง ๆ ในการเลี้ยงปลานิลด้วยคอมพิวเตอร์ การทดลองผสมสารเคมีต่าง ๆ ด้วยคอมพิวเตอร์ ปัจจัยต่าง ๆ กับการเคลื่อนที่ของเครื่องบิน โปรแกรมสังเคราะห์เสียงพูดเบื้องต้น โปรแกรมจำลองการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เป็นต้น
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
cr : https://www.youtube.com/watch?v=nqESB3dwZTY
CR
: รูปภาพ
- http://formulas.tutorvista.com/physics/projectile-motion-formula.html- http://pinegreenwoods.blogspot.com/2015/01/montessori-astronomy-solar-system-mars_27.html
- http://allthingsd.com/20090214/how-is-yahoos-massive-metro-homepage-redesign-going-it-depends-on-who-you-ask/
- http://www.pdamobiz.com/forum/forum_posts.asp?TID=552356&PN=649
- http://pantip.com/topic/32342574
CR : เนื้อหา
- https://krumewstp.wordpress.com/ตัวอย่างชื่อโครงงานคอม/
- https://namkwanmay.wordpress.com/2011/02/08/ประเภทของโครงงานคอมพิว/
กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์ หมายถึง กิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือกศึกษาปัญหาที่ตนเองสนใจ
โดยจะต้องวางแผนการดำเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม
โดยใช้ความรู้ทางกระบวนการวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทำโครงงาน
ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อนหรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว
นักเรียนสามารถทำโครงงานเรื่องดังกล่าวได้แต่ต้องคิดดัดแปลงแนวทางในการศึกษา
การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม
หรือศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้
จุดมุ่งหมายสำคัญของการทำโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา
ประดิษฐ์คิดค้น หรือค้นคว้าหาความรู้ต่าง ๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อการศึกษา
ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่าง ๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ
ตลอดจนการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ เพื่อฝึกให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้
การพัฒนาความคิดใหม่ ๆ ความมีคุณธรรมจริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ให้กับเพื่อนมนุษย์ และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
โครงงานคอมพิวเตอร์เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนเกิดความสามารถในด้านต่าง
ๆ ที่สำคัญ 5 ประการ ดังนี้
1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถที่เกิดจากการที่นักเรียนเป็นผู้ทำโครงงานต้องนำเสนอผลงานให้ ครูและเพื่อนนักเรียนให้เข้าใจโครงงานคอมพิวเตอร์ได้อย่างชัดเจนโดยการสร้างสรรค์โครงงานด้วยการเขียนหรือด้วยปากเปล่า รวมทั้งเลือกใช้รูปแบบของสื่ออย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนำเสนอแนวคิดในการจัดโครงงานให้ผู้อื่นได้เข้าใจ
1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถที่เกิดจากการที่นักเรียนเป็นผู้ทำโครงงานต้องนำเสนอผลงานให้ ครูและเพื่อนนักเรียนให้เข้าใจโครงงานคอมพิวเตอร์ได้อย่างชัดเจนโดยการสร้างสรรค์โครงงานด้วยการเขียนหรือด้วยปากเปล่า รวมทั้งเลือกใช้รูปแบบของสื่ออย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนำเสนอแนวคิดในการจัดโครงงานให้ผู้อื่นได้เข้าใจ
2. ความสามารถในการคิด ซึ่งผู้เรียนจะมีการคิดในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
1.
การคิดวิเคราะห์ เกิดจากการที่ผู้เรียนต้องวิเคราะห์ปัญหาและแยกแยะสาเหตุว่าเกิดเนื่องจากอะไร
2.การคิดสังเคราะห์ เกิดจากการที่ผู้เรียนต้องนำความรู้ต่าง ๆ ที่เรียนมาเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาหรือการสร้างสรรค์โครงงาน
3.การคิดอย่างสร้างสรรค์ เกิดจากการที่ผู้เรียนนำความรู้มาสร้างสรรค์
ผลงานใหม่ ๆ
ผลงานใหม่ ๆ
4.การคิดอย่างมีวิจารณญาณ เกิดจากการที่ผู้เรียนได้มีการคิดไตร่ตรองว่าควรทำโครงงานใดและไม่ควรทำโครง
งานใด เนื่องจากโครงงานที่สร้างขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม
5.
การคิดอย่างเป็นระบบ เกิดจากการที่ผู้เรียนคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน
โดยใช้ขั้นตอนในการพัฒนาโครงงาน คือ ผู้เรียนเป็นผู้วางแผนในการศึกษา ค้นคว้า
เก็บรวบรวมข้อมูล พัฒนา หรือประดิษฐ์คิดค้นผลงาน
รวมทั้งการสรุปผลและการนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
โดยมีผู้สอนและผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ให้คำปรึกษา
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เกิดจากการที่ผู้เรียนวิเคราะห์ปัญหา เข้าใจ
และอธิบายปัญหาทางด้านคอมพิวเตอร์ รวมทั้งประยุกต์ความรู้ ทักษะ และการใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เกิดจากการที่ผู้เรียนได้นำความรู้และกระบวนการต่าง
ๆ ไปใช้ในการพัฒนาโครงงานและนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม
รวมถึงการเรียนรู้ด้วยตนเอง อันนำไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เกิดจากการที่ผู้เรียนสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการแก้ปัญหาได้ อย่างถูกต้องเหมาะสม
และมีคุณธรรม
1. เป็นกิจกรรมการเรียนให้นักเรียนศึกษา
ค้นคว้า ปฏิบัติดัวยตนเองโดยอาศัยหลักวิชาการทางทฤษฎีตามเนื้อหาโครงงานนั้น ๆ
หรือจากประสบการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้พบเห็นมากแล้ว
2. นักเรียนทุกคนพิจารณาจัดทำโครงงานด้วยตนเองหรือเป็นกลุ่มโดยใช้ระยะเวลาสั้น
ๆ เป็นภาคเรียน หรือมากกว่าก็ได้ แล้วแต่โครงงานเล็กหรือใหญ่
3. นักเรียนเป็นผู้พิจารณาริเริ่มสร้างสรรค์
คัดเลือกโครงงานที่จะศึกษาค้นคว้าปฏิบัติด้วยตนเองตามความถนัด สนใจ และความพร้อม
4. นักเรียนเป็นผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน
แผนปฏิบัติงานและการแปลผล รายงานผลต่ออาจารย์ที่ปรึกษา
เพื่อดำเนินงานร่วมกันให้บรรลุตามจุดหมายที่กำหนดไว้
5. เป็นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้
ความสามารถของนักเรียนตามวัยและสติปัญญา รวมทั้งการใช้จ่ายเงินดำเนินงานด้วย
โครงงานคอมพิวเตอร์
cr : https://www.youtube.com/watch?v=DjONgZ3BxXs
Cr. http://www.acr.ac.th/acr/ACR_E-Learning/CAREER_COMPUTER/COMPUTER/M4/ComputerProject/content1.html
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)