พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558
(การคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิและกำหนดข้อยกเว้นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์และสิทธิของนักแสดง)
(การคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิและกำหนดข้อยกเว้นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์และสิทธิของนักแสดง)
cr: http://enews.boonrawd.co.th/content/wp-content/uploads/2014/08/ssss.png
1. ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 132
ตอนที่ 6 ก เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา
2. มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2558
เป็นต้นไป
3. สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ มีดังนี้
(1) คุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิเพื่อส่งเสริมการเผยแพร่งานอันมีลิขสิทธิ์และคุ้มครองสิทธิในข้อมูลที่เจ้าของลิขสิทธิ์ที่ใช้บริหารจัดการสิทธิของตนไม่ให้คนอื่นมาลบหรือเปลี่ยนแปลงโดยไม่ชอบ
เช่น การลบข้อมูลเกี่ยวกับชื่อเจ้าของลิขสิทธิ์ ชื่อผู้สร้างสรรค์ ชื่อนักแสดง
เป็นต้น โดยหากบุคคลใด ลบ หรือเปลี่ยนแปลง ข้อมูลดังกล่าว
ถือว่ามีความผิดฐานละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิ
(2) คุ้มครองมาตรการทางเทคโนโลยีที่เจ้าของลิขสิทธิ์นำมาใช้ปกป้องงานอันมีลิขสิทธิ์ของตนเพื่อป้องกันการทำซ้ำหรือการเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์
เช่น พาสเวิร์ด (password) ที่เจ้าของลิขสิทธิ์นำมาใช้ในการควบคุมการเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์ของตนที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต
เป็นต้น โดยหากบุคคลใดทำลายมาตรการทางเทคโนโลยีดังกล่าว
โดยเจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ยินยอมถือว่ามีความผิดฐานละเมิดมาตรการทางเทคโนโลยี
(3) กำหนดข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์การทำซ้ำชั่วคราว (Exception
for Temporary Reproduction) เพื่อกำหนดให้ชัดเจนว่าการทำซ้ำชั่วคราวโดยความจำเป็นของเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียกดูงานอันมีลิขสิทธิ์ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
เนื่องจากการดูภาพยนตร์ หรือฟังเพลงจากเครื่องคอมพิวเตอร์
เครื่องคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีการทำซ้ำงานเพลงหรือภาพยนตร์ดังกล่าวไว้ในหน่วยความจำ
(RAM) ทุกครั้ง ด้วยความจำเป็นทางเทคนิคดังกล่าวทำให้ทุกครั้งที่มีการใช้งานอันมีลิขสิทธิ์จากเครื่องคอมพิวเตอร์
ผู้ใช้งานจะต้องทำซ้ำงานด้วยเสมอ การทำซ้ำลักษณะนี้เป็นการทำซ้ำชั่วคราว
ที่ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
cr: http://politic.tnews.co.th/content/149211/
(4) เพิ่มเติมเรื่องการกำหนดข้อจำกัดความรับผิดของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
(Liability Limitation of ISP) เพื่อให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
เช่น เจ้าของเว็บไซต์ Youtube ไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์
โดยให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเอาไฟล์ละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากเว็บไซต์
ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์จะต้องแสดงหลักฐานต่างๆ ต่อศาลอย่างเพียงพอ
และเมื่อศาลได้มีคำสั่งให้เอาไฟล์ละเมิดออกจากเว็บไซต์แล้ว และเจ้าของเว็บไซต์ดำเนินการตามคำสั่งศาล
เจ้าของเว็บไซต์ไม่ต้องรับผิดเกี่ยวกับการกระทำที่อ้างว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว
(5) เพิ่มข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์กรณีการจำหน่ายต้นฉบับหรือสำเนางานอันมีลิขสิทธิ์
โดยนำหลักการระงับไปซึ่งสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา (Exhaustion of Rights) มากำหนดให้ชัดเจนว่าการขายงานอันมีลิขสิทธิ์มือสองสามารถทำได้โดยไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
เช่น การขายภาพเขียน หนังสือ ซีดีเพลง ซีดีภาพยนตร์
เป็นต้น อย่างไรก็ดี
หากเป็นการขายซีดีภาพยนตร์จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดีทัศน์ด้วย
มิฉะนั้น แม้ไม่ผิดตามกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์
แต่อาจมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์ได้
(6) เพิ่มเติมเรื่องสิทธิทางศีลธรรมของนักแสดง
(Moral Right) เพื่อเพิ่มสิทธิให้นักแสดง
มีสิทธิทางศีลธรรมเท่าเทียมกับสิทธิทางศีลธรรมของผู้สร้างสรรค์งานอันมีลิขสิทธิ์
โดยนักแสดงมีสิทธิระบุชื่อตนในการแสดงที่ตนได้แสดง
และห้ามไม่ให้บุคคลใดกระทำต่อการแสดงของตนจนทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ
cr: http://socs16.blogspot.com/
(7) เพิ่มบทบัญญัติเรื่องค่าเสียหายในเชิงลงโทษ
(Punitive damages) โดยกำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงจ่ายค่าเสียหายเพิ่มขึ้นไม่เกินสองเท่าของค่าเสียหาย ในกรณีที่ปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่ามีการกระทำโดยจงใจหรือมีเจตนาให้งานอันมีลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงสามารถเข้าถึงโดยสาธารณชนได้อย่างแพร่หลาย
(8) กำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งริบหรือทำลายสิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำละเมิด
และสิ่งที่ได้ทำขึ้นหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดง
cr: http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9570000056638
สรุป
1) ภาพถ่าย
ถ้าถ่ายเองหรือจ้างคนอื่นถ่าย ลิขสิทธิ์ตกเป็นของเรา
2) หากนำภาพคนอื่นไปใช้ แล้วตัดลายน้ำหรือไม่ให้เครดิตเจ้าของ ถือว่าผิด
3) ข้อความที่ก๊อปจากชาวบ้านมา หากอ้างที่มา และใช้แบบ personal use ไม่ผิด แต่ถ้าใช้นิติบุคคล ถือว่าผิด
4) embed youtube มาใส่หน้าเว็บโดยตรงถือว่าผิด (ถ้าทำแค่เป็นภาพ thumbnail แล้ว link ไปที่ youtube เจ้าของโดยตรง ไม่ผิด)แพ
5) ถ้านำคลิป youtube ไปใช้เชิงสาธารณะ (เช่น ทำรายการข่าว) ต้องเผยชื่อ username เจ้าของคลิป และเป็นคลิปที่ตั้ง public ไว้เท่านั้น (ถ้าเจ้าของตั้ง private ไว้ แล้วนำมาเผยแพร่ถือว่าผิด)
6) แชร์ภาพจาก fanpage อื่น มาที่ fanpage เรา เพื่อเรียกเรตติ้ง มีสิทธิ์ถูกฟ้อง เพราะแสวงหากำไร (แก้ได้ด้วยการผลิตเอง หรือขออนุญาตเจ้าของ / ก๊อปจาก google ก็มีสิทธิ์โดนฟ้อง)
7) ข่าวจากเว็บนอก มีที่มาอ้างอิง ไม่ผิด แต่บทความถือว่าผิดในกรณีแสวงหากำไร (แก้ได้ด้วยวิธี rewrite / copy-paste ถือว่าผิด)
2) หากนำภาพคนอื่นไปใช้ แล้วตัดลายน้ำหรือไม่ให้เครดิตเจ้าของ ถือว่าผิด
3) ข้อความที่ก๊อปจากชาวบ้านมา หากอ้างที่มา และใช้แบบ personal use ไม่ผิด แต่ถ้าใช้นิติบุคคล ถือว่าผิด
4) embed youtube มาใส่หน้าเว็บโดยตรงถือว่าผิด (ถ้าทำแค่เป็นภาพ thumbnail แล้ว link ไปที่ youtube เจ้าของโดยตรง ไม่ผิด)แพ
5) ถ้านำคลิป youtube ไปใช้เชิงสาธารณะ (เช่น ทำรายการข่าว) ต้องเผยชื่อ username เจ้าของคลิป และเป็นคลิปที่ตั้ง public ไว้เท่านั้น (ถ้าเจ้าของตั้ง private ไว้ แล้วนำมาเผยแพร่ถือว่าผิด)
6) แชร์ภาพจาก fanpage อื่น มาที่ fanpage เรา เพื่อเรียกเรตติ้ง มีสิทธิ์ถูกฟ้อง เพราะแสวงหากำไร (แก้ได้ด้วยการผลิตเอง หรือขออนุญาตเจ้าของ / ก๊อปจาก google ก็มีสิทธิ์โดนฟ้อง)
7) ข่าวจากเว็บนอก มีที่มาอ้างอิง ไม่ผิด แต่บทความถือว่าผิดในกรณีแสวงหากำไร (แก้ได้ด้วยวิธี rewrite / copy-paste ถือว่าผิด)
cr: https://www.youtube.com/watch?v=h3vk4z7qei8
ขอบคุณข้อมูลจาก